21:00 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารขาออก สายการบินเอมิเรตส์(EK) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การ ต้อนรับพร้อมอํานวยความสะดวกด้านสัมภาระและบัตรที่นั่งขึ้นเครื่อง
01:05 น. ออกเดินทางสู่ กรุงปารีส (PARIS) ประเทศฝรั่งเศส โดยเที่ยวบินที่ EK385/EK073 *** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ 0500-0750 ***
12:30 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินกรุงปารีส (PARIS) ประเทศฝรั่งเศส เมืองที่แม้กระทั่งชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่นอกเมือง หรือต่างจังหวัด หรือต่างแคว้นแดนไกล กล่าวว่า ตราบใดที่มีลมหายใจ ก็ขอไห้ได้เห็นมหานครปารีส ระหว่างทางท่านจะได้ สัมผัสกับความงาม และความมหัศจรรย์ของกลุ่มอาราม และบ้านเรือนร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และธรรมชาติที่น่าตื่น ตาตื่นใจ ตลอดสองข้างทางจน ...หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว …จากนั้นนําท่านเข้าสู่โรงแรม ที่พัก เพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย ...
ที่พัก MERCURE PARIS หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นําท่าน ล่องเรือแม่นํ้าแซน ชมวิวทิวทัศน์ของเกาะอิล เดอ ฟรองซ์ท่ามกลางแสง สี และสถาปัตยกรรม สถานที่ราชการและอาคาร อันสําคัญของปารีส ซึ่งต่างอนุรักษ์ความงดงามคลาสสิคไว้ได้อย่างงดงามน่าประทับใจ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นําท่าน อิสระช้อปปิ้งสินค้า DUTY ในราคาถูก อาทิ เช่น น้ำหอม, ครมี, เครื่องสำอาง, กระเป๋า, นาฬิกา, เข็มขัดฯลฯ
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
ที่พัก MERCURE HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นําท่าน เข้าชมพระราชวังแวร์ซายส์ (VERSAILLES) (เข้าแบบ VIP ไม่ต้องต่อคิวรอนาน มีไกด์ท้องถิ่นบรรยาย) เป็น พระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่แวร์ซาย เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลก อยู่ ห่างจากเมืองปารีสประมาณ 17กิโลเมตร ประวัติความเป็นมาของพระราชวังแวร์ซายส์นั้น ต้องย้อนไปจนถึงพระเจ้าหลุยส์ ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส ด้วยพระองค์นั้นชอบไล่ล่าสัตว์และชอบใกล้ชิดกับธรรมชาติ พระองค์มีโอกาสมาล่าสัตว์ในป่ารอบ ๆ เมืองแวร์ซายส์อยู่หลายครั้ง จนในปี ค.ศ. 1622 ก็ได้เริ่มซื้อผืนป่าในเมืองนี้เพื่อล่าสัตว์ส่วนพระองค์ จนต่อมาปี ค.ศ.1623 ก็ทําที่พักขนาดเล็กขึ้นที่นี่ และในปี ค.ศ. 1631 ก็มีการสร้างใหม่ให้กลายเป็นชาโตว์ขนาดย่อม ๆ ต่อมาในสมัย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส พระองค์ทรงตัดสินพระราชหฤทัยย้ายราชสํานักมาอยู่ที่เมืองแวร์ซายส์และได้ปรับปรุง พระตําหนักหลังเก่าให้กลายมาเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ สวยงามและหรูหราที่สุดในยุโรป เริ่มดําเนินการในปี ค.ศ. 1661 และมีการสร้างเรื่อย ๆ ใช้เวลาในการก่อสร้างร่วมกว่า 30 ปี ตลอดสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส พระองค์ ทรงใช้ที่นี่เป็นสถานที่ในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งรวมทั้งคณะทูตจากสยามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งอยุธยาของเราอีกด้วย ต่อมาเป็นสถานที่พํานักของกษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เรื่อยมา จนถึงสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส จนเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้นนับแต่นั้นพระราชวังแวร์ซายส์ก็ไม่เคยได้เป็นที่พํานักของกษัตริย์ อีกเลย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1837 พระเจ้าหลุยส์-ฟีลิปที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ก็ได้มีคําสั่งให้เปลี่ยนพระราชวังแวร์ซายส์มา เป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสจนถึงปัจุบันนั้นเอง โดยตัวอาคารทุกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนดสีขาว มี สถาปัตยกรรมตะวันตกแบบบาโรค และรอคโคโค ตกแต่งอย่างสวยงาม มีขนาดพื้นที่ขนาดพื้นที่ ทั้งหมด 5,000 ไร่ ราย ล้อมด้วยสวนสวยที่ตกแต่งให้มีลวดลายวกวนราวกับเขาวงกต ตกแต่งด้วยต้นไม้ สวนดอกไม้แบบเรขาคณิต มี ประติมากรรมสมัฤทธ์และหนิอ่อนปนโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยายกรีกโรมัน โดดเด่นด้วย นํ้าพุจากเทพนิยาย กรีก ตัวพระราชวังแบ่งออกเป็น 5 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ THE PALACE, THE GARDENS, THE ESTATE OF TRIANON, แและ THE PARK ในส่วนของ THE PALACE หรือด้านในของพระราชวัง มีห้องมากมายถึง 700 ห้อง จัดแสดงภาพวาด กับงานแกะสลัก มีการติดตั้งหน้าต่าง 2,153 บาน บันได 67 อัน และเตาผิงกว่า 1,315 เตา และ ยังมีการประดับตกแต่งด้วยแชนเดอเรีย มีห้องกระจก(THE HALL OF MIRRORS) เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวัง และเป็นไฮไลท์สําคัญ …
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นําท่าน ชมหอไอเฟล (EIFFEL TOWER) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีส เลิศหรู อลังการ โรแมนติค มหัศจรรย์ ด้วย ความสูง 984 ฟุต สร้างด้วยโครงเหล็กทั้งหมด…ถนนชองเชลิเช (CHAMPS-ELYSEES) ถนนที่มีต้นไม้เรียงรายทั้งสอง ข้างทางอย่างน่าเดินเล่น ต้นแบบถนนราชดําเนิน ปล็าชเดอลา ค็องคอร์ด (PLACE DE LA CONCORDE) จัตุรัสแห่ง ความสามัคคีโบสถ์แมดดิแลน ที่สร้างแบบกรีกโบราณ ถ่ายรูปกับปิระมิดหน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟว์หรืออดีตพระราชวังลูฟว์ จากนั้นนําท่าน ชมเมืองปารีส มหาราชินีแห่งเมืองหลวงของโลก ..ถ่ายรูปคู่กับประตูชัย (ARC DE TRIOMPHE) ของพระเจ้านโปเลียนอาร์ค เดอทริออม ให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมที่มีชื่อเสียง ณ ห้างแกลอรี่ลาฟาแยส เช่น หลุยส์,พราด้า, กชุ ช่ี, ชาแนล, เฟนดกิ, นาฬกิา, น้ำหอม, เครื่องสำอาง ฯลฯ
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร (หอยเอสคาร์โกร์,สเต็ก,ไวน์)
ที่พัก MERCURE HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนําท่านออกเดินทางสู่ เมืองบรัสเซลส์ (BRUSSELS) ประเทศเบลเยียม ศูนย์กลางการบริหาร และพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการ องค์กรระหว่างประเทศ และเป็นศูนย์รวมสถานที่ ท่องเที่ยวเก่าแก่จนถึงใหม่ร่วมสมัย ....
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
นําท่าน ชมจัตุรัสกรองด์ ปลาซ (GRONG PLAS) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกเมื่อปี 1983 แต่สร้าง มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ล้อมด้วยบรรดาอาคารเก่าที่ออกแบบสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมบารอกโกธิกและนีโอโกธิก ซึ่ง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาคารสิ่งก่อสร้างที่มีความสําคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศ ครึกครื้นเพราะมีร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก ศิลปินวาดภาพ กลางลานจัดเป็นเหมือนตลาดขายต้นไม้ดอกไม้ ท่ามกลางความสวยงามของอาคารต่างๆ รอบจัตุรัสกรองด์ปลาซแล้ว ชมศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์(BRUSSELS TOWN HALL) เป็นอีกสิ่งก่อสร้างหนึ่งประจํา เมืองที่สวยงามโดดเด่นและน่าสนใจ ตัวอาคารก็ว่าสวยแล้วจากการตกแต่งอย่างละเอียดให้ทุกมุมประดับประดาตัวรูป ปั้นนักบุญทั้งหลาย ...ชมแมนเนเกนพิส (MANNEKEN PIS) รูปหล่อเด็กน้อยเปลือยกายสูงเพียงประมาณ 60 เซนติเมตรที่ดังระเบิดไปทั่วโลกด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเพราะเจ้าเด็กคนนี้อยู่ในอิริยาบทที่กําลังยืนฉี่ชวนให้อมยิ้ม ด้วยความน่าเอ็นดูเมื่อได้พบเห็น .. นําท่าน ถ่ายรูปกับอะตอมเมี่ยม (THE ATOMIUM) ซึ่งเป็นประติมากรรม รูปอะตอมมหึมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์จากการ รวมตัว ครั้งแรกของกลุ่มประเทศยุโรปเมื่อปี ค.ศ. 1959
จากนั้นนําท่านออกเดินทางสู่ เมืองโคโลญจน์(COLOGNE) เมืองใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในประเทศเยอรมันและเป็นเมืองที่ ใหญ่ที่สุดของรัฐนอร์ธไรน์ – เวสต์ฟาเลีย โคโลญมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี และผู้ที่มาเยือนที่นี่จะได้พบกับ ทุกสิ่งตั้งแต่หอคอยโรมันไปจนถึงโบสถ์แบบกอธิก ไปจนถึงตัวอย่างที่ดีของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ โคโลญมีพิพิธภัณฑ์ หลายแห่งอาทิ พิพิธภัณฑ์ศิลปะประยุกต์ พิพิธภัณฑ์ลุดวิก และพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต รวมทั้งยังมีร้านขายของที่ระลึก อีกมากมาย
ชม (ภายนอก) มหาวิหารแห่งโคโลญจน์ (COLOGNE CATHEDRAL) สัญลักษณ์แห่งเมืองโคโลญจน์ เป็นมหาวิหาร สไตล์โกธิกในช่วงศตวรรษที่ 14 ภายในเป็นที่เก็บรักษาหีบทองคําบรรจุอัฐิของกษัตริย์เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ฐานแคบ สร้างในปี 1248 ใช้เวลาสร้างยาวนานมาราธอน 632 ปี เสร็จสมบูรณ์ในปี 1880 และครั้งหนึ่งสมเด็จพระปิยมหาราช รัชกาลที่ 5 ของประเทศไทย ได้เคยเสด็จมาเยือนเมื่อคราวเสด็จประพาสเยอรมันครั้งแรกในปี 1897 และที่มหาวิหารแห่ง นี้ที่แม้ในปัจจุบันก็ยังมีการขุดพบซากเมืองโรมันโบราณข้างใต้และข้างๆ มหาวิหารทําให้ทราบว่าชีวิตและอารยะธรรมของ คนโคโลญจน์ไม่เคยแยกจากไกลจากมหาวิหารแห่งนี้เลย
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
ที่พัก BESTWESTERN LEVERKUSEN HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นําท่าน ล่องเรือแม่นํ้าไรน์ชมความสวยงามของแม่นํ้าไรน์ แม่นํ้าสายโรแมนติก ที่มีความยาวเป็นอันดับที่ 3ของทวีป ยุโรป รองจากแม่นํ้าโวลก้าและแม่นํ้าดานูบ การล่องเรือเที่ยวแม่นํ้าไรน์นิยมล่องกันตั้งแต่เมืองบอบพาร์ด (BOBBARD) มาถึง เมืองเซนต์กอร์ (ST. GOAR) เนื่องจากเป็นช่วงที่งดงามที่สุด เพราะมีลํานํ้าแคบและคดเคี้ยวไปมาในหุบเขาสองฝั่ง เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมงดงามบ้านหลังเล็กๆ น้อยๆ แบบเยอรมัน ไร่องุ่น และทิวทัศน์ริมสองฝากฝั่งที่เต็มไปด้วย ปราสาท ความเขียวขจีของขุนเขาอันสวยงาม ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างหลั่งไหลกันมาชื่นชม
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร พิเศษ ขาหมูเยอรมัน
จากนั้นนําท่านออกเดินทางสู่ กรุงอัมสเตอร์ดัม (AMSTERDAM) เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ตั้งอยู่ริมฝั่ง แม่นํ้าอัมสเทล (AMSTEL) เริ่มก่อตั้งประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 12 ปัจจุบันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ มี ประชากรประมาณ 1.5 ล้านคน เป็นเมืองศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ที่สําคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป โดยเฉพาะช่วง คริสต์ศตวรรษที่17 ซึ่งเป็นช่วงยุคทองของเนเธอร์แลนด์
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
ที่พัก PRINCESS HOTEL AMERSFOORT HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านกีธูร์น (GIETHOORN VILLAGE) (120 กม.) เยือนเวนิสแห่งเนเธอร์แลนด์ หมู่บ้าน เล็กๆน่ารักที่ไม่มีถนนแม้แต่สายเดียวในหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้าน UNSEEN ในเนเธอร์แลนด์.. อิสระให้ท่านได้เดินเที่ยวชม หมู่บ้านตากอากาศอันเงียบสงบแห่งนี้ พร้อมเก็บภาพความประทับใจ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
จากนั้นเดินทางกลับสู่ กรุงอัมสเตอร์ดัม (AMSTERDAM) ประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือประเทศที่แผ่นดินตํ่า ซึ่งพื้นดิน ตํ่ากว่าระดับนํ้าทะเล และสร้างเมืองโดยการทําเขื่อนกั้นนํ้าตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ซึ่ง อัมสเตอร์ดัม จะมีเกาะเล็กเกาะน้อยกว่า 70 เกาะ เกาะเหล่านี้แบ่งแยกออกจากกันโดยคลองที่มีความยาวทั้งสิ้นถึง 80 กิโลเมตร มีสะพานเชื่อมระหว่างคลองมากกว่า 1,000 สะพาน หรือที่ทุกคนเรียกในปัจจุบันว่าเวนิสแห่งทะเลเหนือ นําท่าน ล่องเรือกระจก ชมความงามของกรุงอัมเตอร์ดัม ที่ท่านจะได้สัมผัสกลิ่นอายและความเป็นอยู่อย่าง ใกล้ชิด ...ชม การสาธิตการเจียระไนเพชร
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
ที่พัก PRINCESS HOTEL AMERSFOORT HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซานสคาน (ZAANSE SCHANS) ให้ท่านได้ถ่ายรูปสัญลักษณ์ของประเทศเนเธอร์แลนด์เก็บไว้ เป็นที่ระลึก
เที่ยง อิสระอาหารกลางวัน ตามอัธยาศัย
นําท่านเดินทางสู่ เมืองโวเลนดัม (VOLENDAM) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของท่าเรือและหมู่บ้านชาวประมงอันแสนคึกคัก รวมไปถึงลักษณะการ แต่งกายในแบบดั้งเดิมของชาวดัตช์ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันยังคงได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี ให้ท่านได้ชมวิถีชีวิต ของชาวเมืองที่ยังคงมีการแต่งกายในแบบดั้งเดิมของชาวดัตช์
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
ที่พัก PRINCESS HOTEL AMERSFOORT HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นําท่านเดินทางสู่ ท่าเรือ เพื่อล่องเรือหลังคากระจก ชมความงามสวยงามสองฝั่งคลองในกรุงอัมสเตอร์ดัม … แล้วนําท่าน ชมศูนย์เจียระไนเพชรกรุงอัมสเตอร์ดัม ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก …
เที่ยง อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
นําท่าน ชมจัตุรัสดัมสแควร์ (DAM SQUARE) เป็นศูนย์กลาง ของเมืองที่มีอนุสรณ์สงครามเพื่อรําลึกถึงทหารที่เสียชีวิตใน สงครามโลกครั้งที่ 2 และอดีตศาลาว่าการเมืองที่หลุยส์ โบนา ปาร์ต (LOUISE BONAPARTE) เคยใช้เป็นพระราชวังหลวง ในช่วงที่จักรพรรดินโปเลียนแห่งฝรั่งเศสเรืองอํานาจ ชมอนุสาวรีย์แห่งเสรีภาพ (NATIONAL MONUMENT) เป็น สิ่งก่อสร้างรูปทรงกรวยสีขาว สูงประมาร 70 ฟุต สร้างขึ้นในปี 1956 เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 ฝั่งตรงข้ามอนุสาวรีย์ยังมีอาคารเก่าแก่ที่สวยงามและสําคัญ คือ พระราชวังหลวง (KONINKLIJK PALEIS) สร้างขึ้นในปี 1655 เพื่อใช้เป็นที่ว่าการเมือง แต่ต่อมาในปี 1801 หลังจากที่เนเธอร์แลนด์ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส พระราชวังแห่งนี้กลายเป็นที่ประทับของพระเจ้าหลุยส์ โบนาปาร์ต (LOUISE BONAPARTE) น้องชายนโปเลียน โบนา ปาร์ต (NAPOLEON BONAPARTE) จนถึงปี 1810 เมื่อฝรั่งเศสหมดอํานาจลงก็ยังคงใช้เป็นพระราชวังที่ประทับของ กษัตริย์เนเธอร์แลนด์ และในปี 1967 สมเด็จพระราชินีนาถจุเลียนาได้ทรงย้ายไปประทับอยู่ที่เมืองเฮก จึงมีการซ่อมแซม พระราชวังแห่งนี้….
จากนั้น อิสระช้อปปิ้งที่ ถนนกาลเวอร์สตราท (KALVERSTRAAT) ถนนช้อปปิ้งสายสําคัญของอัมสเตอร์ดัมอยู่ติดกับ จตุรัสดัมสแควร์ ซึ่งรายล้อมไปด้วยร้านรวงของ BRAND NAME และสินค้าของที่ระลึกต่างๆ ให้ท่านได้เลือกซื้อหาเป็น ของขวัญของฝากอย่างมากมาย…ชมย่าน RED LIGHT หรือพัฒน์พงษ์แห่งอัมสเตอร์ดัมให้คณะได้อิสระเดิน เล่นชม ย่านสถานเริงรมย์กลางกรุงอัมสเตอร์ดัม
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
ที่พัก PRINCESS HOTEL AMERSFOORT HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
10:00 น. นําท่านเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย
14:30 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยสายการบินเอมิเรตส์เที่ยวบินที่ EK148/EK384 *** เปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ 0010-0305 น. ***
12:05 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (Economy Class) + ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ ที่ระบุวันเดินทางไปกลับพร้อมกรุ๊ปเท่านั้น
2. ค่ารถโค้ชปรับอากาศนําเที่ยวตามรายการ วันละ 12 ชม. ตามกฎหมายยุโรป
3. ค่าห้องพักในโรงแรมที่ระบุตามรายการหรือเทียบเท่า 4 ดาว (พักห้องละ 2 ท่าน) จํานวน 8คืน พร้อมอาหารเช้า
4. ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ
5. ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการ
6. ค่าวีซ่าเชงเก้น (หากสถานทูตได้กําหนดการยื่นวีซ่าเป็นคณะแล้ว ท่านใดไม่สามารถมาตามกําหนดได้ กรณีถ้ามีค่าใช้จ่าย เกิดขึ้น ท่านละ 500.- บาท ลูกค้าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเท่านั้น)
7. ค่าประกันภัยการเดินทางรายบุคคล (หากต้องการเงื่อนไขกรมธรรม์สอบถามได้จากเจ้าหน้าที่)
8. ค่ามัคคุเทศก์ (ไกด์คนไทย) ของบริษัทฯ ดูแลตลอดการเดินทาง
9. ค่าทิปทุกๆอย่างรวมหมด ลูกค้าไม่ต้องจ่ายใดๆทั้งสิ้น
1. ค่าธรรมเนียมจัดทําหนังสือเดินทาง , แจ้งเข้าแจ้งออกสําหรับผู้ที่ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางของไทย
2. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิเช่น ค่าเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง, ค่านํ้าหนักเกิน จากทางสายการบินกําหนดเกินกว่า 30 กก.และมากกว่า 1 ชิ้น, ค่ารักษาพยาบาล กรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจําตัว, ค่ากระเป๋า เดินทางหรือของมีค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง เป็นต้น 3. ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % ในกรณีที่ต้องการใบกํากับภาษี
4. ค่าอาหารที่ไม่ได้ระบุในรายการ
5. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, มินิบาร์และทีวีช่องพิเศษ ฯลฯค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษ
6. ค่าบริการพิเศษต่างๆ
7. ค่าตรวจโควิดตามมาตรการของฝั่งไทย
- บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการที่จะไม่รับผิดชอบต่อค่าชดเชยความเสียหาย อันเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่ทาง บริษัทฯ ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การนัดหยุดงาน, จลาจล, การล่าช้าหรือยกเลิกของเที่ยวบิน รวมถึงกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองไม่อนุญาตให้เดินทางออกหรือกอง ตรวจคนเข้าเมืองของแต่ละประเทศไม่อนุญาตให้เข้าเมือง รวมทั้งในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ําเงิน) เดินทางหาก ท่านถูกปฏิเสธการเดินทางเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง
- บริษัทฯสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมรายการท่องเที่ยว โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
- บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเมื่อท่านทําการซื้อโปรแกรมทัวร์ ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านรับทราบและยอมรับเงื่อนไขของหมายเหตุทุกข้อแล้ว ในกรณีที่ลูกค้าต้อง ออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ ....กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ก่อนทุกครั้ง มิฉะนั้นทางบริษัทฯจะไม่ขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โปรแกรมและรายละเอียดของการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ
และเหตุสุดวิสัยต่าง ๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าโดยทางบริษัทฯ จะคํานึงถึงผลประโยชน์และความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทาง เป็นสําคัญ.....
- หลังจากที่มีการจองทัวร์และได้ชําระค่ามัดจําทัวร์หรือทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการชําระผ่านตัวแทนของบริษัทหรือชําระโดยตรงกับ ทางบริษัท ทางบริษัทจะขอถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขต่างๆของบริษัท ที่ได้ระบุไว้ทั้งหมด
- นั่งที่ Long Leg โดยปกติอยู่บริเวณทางออกประตูฉุกเฉิน และผู้ที่จะนั่งต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่สายการบินกําหนด เช่น ต้องเป็นผู้ ที่มีร่างกายแข็งแรง และช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เครื่องบินมีปัญหา เช่น สามารถเปิดประตูฉุกเฉินได้ (น้ําหนักประมาณ20 กิโลกรัม) ไม่ใช่ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพและร่างกายและอํานาจในการให้ที่นั่ง Long leg ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่เช็คอินสายการบิน ตอนเวลาที่เช็คอินเท่านั้น