ทัวร์อิตาลี THE HEART OF ITALY เจาะลึกประวัติศาสตร์อิตาลี

ทัวร์อิตาลี THE HEART OF ITALY เจาะลึกประวัติศาสตร์อิตาลี -
รหัสทัวร์
012-30192
วันที่เดินทาง
พ.ย.67
ช่วงเวลา
10 วัน 8 คืน
เดินทางโดย
Emirates (EK)

ไฮไลท์

  • เวนิส - โดโลไมต์ - โบลซาโน - เวโรนา ปิซ่า ฟลอเรนซ์ - เซียนา – โรม 10 วัน
  • นำชมธรรมชาติตระการตาในฤดูกาลที่สวยที่สุด เมืองโบราณ มหาวิหาร สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลก 4 แห่งชม งานศิลปะระดับเพชรยอดมงกุฏ อย่างเต็มอิ่ม

แผนการเดินทาง

22.30 น.  พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิประตู 9 เคาน์เตอร์ Tของสายการบิน Emirates โดยมีเจ้าหน้าที่ของทริปให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก

02.00 น.   เดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK 377

06.00 น.   ถึงสนามดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง

09.35 น.   เดินทางจากสนามบินดูไบ สู่เวนิส โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK 135

13.15 น.   ถึงสนามบินมาร์โคโปโล เมืองเวนิส ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร *เมื่อรับกระเป๋าเดินทางแล้ว ให้ท่านเตรียมกระเป๋าเล็กสำหรับค้าง 1 คืนบนเกาะเวนิส ส่วนกระเป๋าใหญ่จะเก็บไว้ที่รถโค้ช

จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) เพื่อลงเรือสู่ใจกลางของเกาะเวนิส (Venezia - Venice) แห่งแคว้นเวเนโต ในทะเลอาเดรียติก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรอิตาลี เวนิสเคยเป็นเมืองท่าที่มั่งคั่งและรุ่งเรืองสุดขีดในช่วงศตวรรษที่ 12-13 ในปี ค.ศ. 1271 (พ.ศ. 1814 ก่อนกำเนิดกรุงศรีอยุธยาราว 80 ปี) มาร์โค โปโล เริ่มต้นบทที่หนึ่งของการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์สู่เมืองจีนก็จากที่นี่ เวนิสยังเป็นฉากสำคัญของวรรณกรรมคลาสสิก The Merchant of Venice ผลงานของนักประพันธ์ชาวอังกฤษ วิลเลียม เชคสเปียร์ ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงแปลเป็นภาษาไทยในชื่อ เวนิสวานิช

 ถึงเวนิส นำท่านชมทัศนียภาพและความงดงามของ จตุรัสซานมาร์โกที่เต็มไปด้วยอาคารที่โดดเด่นทั้งด้านศิลปกรรมและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารซานมาร์โก(Basilica San Marco) สถาปัตยกรรมที่มีผสมผสานศิลปะยุคไบแซนไทน์ เรอเนซองส์ และอิสลาม สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 9 เพื่อเป็นที่เก็บพระศพของนักบุญมาร์โคหรือเซนต์มาร์ก ที่พ่อค้าชาวเวนิสสองคนได้ลักลอบนำมาจากเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์เมื่อปี 828 เพื่อให้เวนิสมีนักบุญประจำเมืองเป็นของตนเอง ต่อมาราวศตวรรษที่ 11 ได้เกิดไฟไหม้โบสถ์ จึงมีการสร้างโบสถ์ขึ้นใหม่ในรูปลักษณ์ที่เห็นในปัจจุบัน ใกล้ๆ กันคือวังดูคาเลหรือวังผู้ครองนคร (Palazzo Ducale - Doge’s Palace- คำว่า Doge อ่านว่า โดจ หมายถึงเจ้าเมืองหรือผู้ครองนครเวนิสและเจนัว ก็คือ Duke นั่นเอง) ที่เริ่มสร้างราวต้นศตวรรษที่ 9

จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองเวนิส ซึ่งยังมีสถานที่สำคัญ อาทิ สะพานริอัลโต (Ponte di Rialto) รวมทั้งชอปปิ้ง ดื่มกาแฟตามอัธยาศัย หรือนั่งเรือกอนโดลาชมทัศนียภาพสองฝั่งคลอง

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นอิสระตามอัธยาศัย

พักค้างคืนบนเกาะเวนิส โรงแรมที่พัก Hotel Sant’Antonin หรือเทียบเท่า

เช้า -  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เทือกเขาโดโลไมต์(Dolomites ภาษาอิตาเลียน Dolomiti เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์) ทางตอนเหนือของอิตาลี ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติจากยูเนสโก เทือกเขาโดโลไมต์ถือเป็นภูมิประเทศที่สวยตระการตาที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โอบกอดด้วยภูเขาสูงเสียดฟ้าและทะเลสาบธรรมชาติที่งดงามจับใจ

ถึงโดโลไมต์ นำท่านชมความงามในยามฤดูไบไม้เปลี่ยนสีของทะเลสาบมิสซูรินา(Lake Misurina) ทะเลสาบธรรมชาติที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแนวเทือกเขาแอลป์ ในเขตเบลลูโน (Belluno) แคว้นเวเนโต (Veneto) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี

เที่ยง–    รับประทานอาหารกลางวัน

บ่าย –    นำท่านชมทัศนียภาพอันงดงามเกินคำบรรยายของทะเลสาบเบรียส(Lake Braies หรือ Pragser Wildsee)ในเขตอุทยานแห่งชาติ Fanes Sennes Braies ที่ตราตรึงใจด้วยแผ่นน้ำสีเขียวมรกต รายล้อมด้วยฉากหลังที่เป็นภูเขาหินปูนสูงเสียดฟ้าและใบไม้เปลี่ยนสีของต้นสน จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งโดโลไมต์” มีตำนานปรัมปราเล่าว่าที่นี่เป็นประตูสู่ดินแดนใต้พิภพ ทุกๆ หนึ่งร้อยปีในคืนพระจันทร์เต็มดวง เจ้าหญิงในตํานานจะออกมาจากเนินเขา Sass Dia Porta (ภาษาละตินหมายถึงประตูบนภูเขา) เพื่อพายเรือไปรอบๆ ทะเลสาบ พร้อมด้วยเสียงแตรที่ดังกึกก้อง

ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่โบลซาโน (Bolzano) เมืองเล็กๆ ในท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ (ในบริเวณเทือกเขาโดโลไมต์) ตั้งอยู่ในเขต South Tyrol ทางตอนเหนือของอิตาลี โบลซาโนเป็นเมืองที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติและงดงามด้วยภูมิสถาปัตยกรรมเก่าแก่ รวมทั้งยังแหล่งปลูกไวน์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี โบลซาโนได้รับการจัดอันดับเมื่อปี 2014 ให้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในอิตาลี

ถึงโบลซาโน นำท่านชมย่านจัตุรัสวาลเธอร์(Piazza Walther หรือ Waltherplatz) ใจกลางเมืองโบลซาโน ซึ่งมีอนุสาวรีย์หินอ่อนศิลปะโรมาเนสก์ของมหากวีชาวออสเตรียน วาลเธอร์ ฟอน แดร์ โฟเกิลไวเดอ (Walther von der Vogelweide)อยู่ที่กลางจัตุรัส อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างเมื่อปี 1889 แต่ถูกถอดออกในยุคฟาสซิสต์ในปี 1935 และได้รับการติดตั้งคืนเช่นเดิมภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญเช่น อาสนวิหารโบลซาโน ในรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิกผสมผสานกับโรมาเนสก์ รวมทั้งยังมีร้านกาแฟและร้านค้าต่างๆ มากมาย ท่านสามารถเดินเล่นสัมผัสบรรยากาศเมืองโบลซาโนยามเย็นได้ตามอัธยาศัย

ค่ำ-  รับประทานอาหารค่ำ

จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel Four Points by Sheraton Bolzano หรือเทียบเท่า

เช้า -  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซานตามาดดาเลนา(Santa Maddalena) ที่ตั้งอยู่ใต้เงาของเทือกเขาโดโลไมต์ในเมืองเบลลูโน ซานตามาดดาเลนาเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 370 คนเท่านั้น จากหมู่บ้านแห่งนี้ ท่านจะได้ชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ตระการตาอีกมุมหนึ่งของเทือกเขาโดโลไมตส์

เที่ยง– รับประทานอาหารกลางวัน

บ่าย –  นำท่านนั่งกระเช้า เพื่อชมทัศนียภาพสุดแสนอลังการบนยอดเขาเซเชดา(Seceda)ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มภูเขาที่เรียกว่า Odel (ภาษาอิตาเลียน) หรือ Geisler (ภาษาเยอรมัน) ที่เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาโดโลไมต์อีกทีด้านบนจะเห็นยอดเขารูปทรงคล้ายเปลวไฟ ที่เรียกว่า Flame Frozen in Stone (เปลวไฟแช่แข็งในหินผา) นี่คือไฮไลต์หรือความฝันของนักเดินทางทั่วโลก ที่ดั้นด้นมาที่นี่เพื่อหวังจะได้เห็นกับตาตนเองสักครั้งในชีวิต

*หากสภาพอากาศไม่อํานวยหรือมีเหตุสุดวิสัยใดๆ จนไม่สามารถนั่งกระเช้าขึ้น Seceda ได้ ทางผู้จัดฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการงดให้บริการในส่วนนี้เพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน

ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่เมือง เวโรนา(Verona) ในแคว้นเวเนโต (Veneto) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี เวโรนาตั้งอยู่ริมแม่น้ำอะดิเจ (Adige River) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณ ชนเผ่าดั้งเดิมในอิตาลีอย่างยูกาไน (Euganei) และเชโนมานี (Cenomani) จึงผลัดกันยึดครองเวโรนาระหว่าง 500-300 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงปีที่ 89 ก่อนคริสตกาล เวโรนาก็ตกอยู่ใต้การปกครองของสาธารณรัฐโรมัน (Roman Republic) ภายหลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในศตวรรษที่ 5 เวโรนาก็กลายเป็นเมืองในปกครองของชาวกอธ (Goths) เผ่าต่างๆ จนถึงศตวรรษที่ 15 เวโรนาจึงถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของนครรัฐเวเนเซีย และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิตาลีในเวลาต่อมา

ถึงเวโรนา นำท่านแวะชม บ้านของจูเลียต(Casa di Giulietta) ซึ่งที่จริงเป็นบ้านของตระกูลเดลคาเปลโล (Dell Capello) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลคาปูเล็ตของจูเลียตในนิยายแม้แต่น้อย แต่วิลเลียม เชกสเปียร์ กวีเอกของโลกผู้ประพันธ์เรื่องโรเมโอและจูเลียต ได้ใช้บ้านหลังนี้มาเป็นฉากบ้านของจูเลียตนั่นเอง

จากนั้นนำท่านแวะชม สนามกีฬาแห่งเมืองเวโรนา(Arena di Verona) ตั้งอยู่ที่จัตรัสบรา (Piazza Bra) กลางเมืองเวโรนา นี่คืออีกหนึ่งมรดกทางสถาปัตยกรรมจากยุคโรมัน ที่สร้างมาตั้งแต่ราว ค.ศ. 30 ปัจจุบันสนามกีฬาแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่แสดงโอเปร่า

ค่ำ-รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมือง ปิซ่า(Pisa) อัญมณีเม็ดเล็กแต่งามเลิศแห่งแคว้นทัสคานี หรือตอสกานา (Tuscany-Toscana) และเป็นบ้านเกิดของกาลิเลโอ (Galileo Galilei) ปิซ่ามีความสำคัญมาตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 12 ที่นี่เคยเป็นเมืองท่าปากแม่น้ำอาร์โน (Arno) ที่ส่งนักรบชาวคริสเตียนไปทำสงครามครูเสดกับชาวมุสลิม ต่อมาปากแม่น้ำตื้นเขิน เมืองท่าปิซ่าจึงลดความสำคัญลง แต่จู่ๆ ก็โด่งดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมีการสร้างหอระฆังเปนเดนเต้ (Torre Pendente) ในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 เมื่อสร้างไปได้สามชั้น ตัวหอก็ค่อยๆ เอียงออกจากฐานเพราะดินทรุดตัว แต่ก็สร้างจนเสร็จ กลายเป็นหอคอยเอียง (Leaning Tower) ที่เรารู้จักกันในนามหอเอนแห่งเมืองปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

เที่ยง-   รับประทานอาหารกลางวัน

บ่าย -   นำท่านเข้าสู่ สนามมหัศจรรย์(Campo dei Miracoli) จัตุรัสที่รวมสุดยอดสถานที่สำคัญของเมืองปิซ่าบนพรมหญ้าสีเขียวขจี อาทิ หอพิธีเจิมน้ำมนต์ (Battistero) ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ตัวหอเป็นอาคารรูปทรงสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์แต่มีหลังคาโดมเป็นแบบโกธิก มหาวิหารดูโอโม ที่สร้างมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 11 และไฮไลต์สำคัญก็คือ หอเอนแห่งเมืองปิซ่าที่ทุกคนล้วนรู้จักชื่อเสียง หอเอนแห่งนี้ วินเชนโซ วีวีอานี ศิษย์ของกาลิเลโอได้บันทึกไว้ว่า กาลิเลโอเคยขึ้นไปบนยอดเพื่อทำการทดลองเรื่องการตกของวัตถุ จนโด่งดังกระฉ่อนโลกทั้งตัวหอเอนและตัวกาลิเลโอ

ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่เมือง ฟลอเรนซ์(Florence-Firenze) เมืองหลวงของแคว้นทัสคานี ที่ได้ชื่อว่าเป็นภูมิภาคที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี นอกจากนี้ยังเป็นถิ่นกำเนิดของยุคสมัยทางประวัติศาสตร์และศิลปะที่รู้จักกันในชื่อว่า เรอเนซองส์ (Renaissance ศตวรรษที่ 14-16) ซึ่งหมายถึงการเกิดใหม่หรือการคืนชีพ (Rebirth-Revival) ซึ่งก็คือการฟื้นฟูศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ ด้วยการกลับไปหาภูมิปัญญาจากยุคกรีก-โรมัน ที่ถือเป็นยุคคลาสสิกของยุโรป ก่อนจะแผ่ขยายไปทั่วทั้งยุโรป แต่เรอเนซองส์จริงๆ แล้วไม่ได้หมายถึงการลอกเลียนแบบอดีต แต่เน้นความสำคัญของลักษณะเฉพาะบุคคล มีความสนใจลักษณะเชิงประจักษ์ของมนุษย์และธรรมชาติ ก่อให้เกิดความกระตือรือร้นในการค้นหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะ รวมถึงวิทยาการแขนงต่างๆ ซึ่งปรากฏเป็นผลงานมากมาย โดยผลงานทางศิลปะก็เป็นหนึ่งในหลักฐานที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน

ถึงฟลอเรนซ์ นำท่านชมทัศนียภาพมุมกว้างของเมืองเก่าฟลอเรนซ์ ที่ จัตุรัสมิเคลันเจโล (Piazza Michelangelo) บนเนินเขาในย่าน Oltrarno ทางทิศใต้ของเมือง จตุรัสแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิก Giuseppe Poggi และสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1869 เพื่ออุทิศให้แก่มิเคลันเจโล บูโอนาร์รอตี (Michelangelo Buonarroti 1475-1564) อัครมหาศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นความภาคภูมิใจของชาวฟลอเรนซ์

ค่ำ- รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว                             

เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเข้าชม หอศิลป์อัคคาเดเมีย(Galleria Accademia) ที่เคยเป็นโรงเรียนศิลปะเก่าแก่ของฟลอเรนซ์ ปัจจุบันเป็นสถานที่เก็บงานประติมากรรมชิ้นสำคัญจากยุคเรอเนซองส์ โดยเฉพาะผลงานของมิเคลันเจโล (หรือไมเคิลแองเจโล) ไว้เป็นจำนวนมาก แต่คงไม่มีชิ้นใดจะมีแรงดึงดูดมากเท่า David ประติมากรรมอันดับหนึ่งของโลกอีกแล้ว แต่เดิมนั้นรูปสลักเดวิด (ตัวจริง) เคยตั้งกรำแดดกรำฝนอยู่ที่จตุรัสซิญญอเรีย บริเวณหน้าวังเก่า (Palazzo Vecchio) แต่ได้ย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่หอศิลป์แห่งนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1873 โดยทำตัวจำลองเหมือนจริงไปตั้งไว้ที่จัตุรัสซิญญอเรียแทน

จากนั้นนำท่านชม มหาวิหารซานตามาเรียเดลฟิโอเร(Santa Maria del Fiore) หรือเรียกสั้นๆ ว่า ดูโอโม (Duomo) สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 แต่มุขหน้ามหาวิหารต่อเติมขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ในรูปแบบนีโอคลาสสิก โดยใช้หินอ่อนสามสีที่นำมาจากที่ต่างๆ คือ สีชมพูจากมาเรมมา สีเขียวจากปราโต และสีขาวจากคาร์รารา ยอดโดมขนาดใหญ่ออกแบบและก่อสร้างในช่วงปี ค.ศ. 1420-1436 โดย ฟิลิปโป บรูเนลเลสคี (Filippo Brunelleschi) หนึ่งในสถาปนิกและศิลปินรุ่นแรกที่เข้าร่วมขบวนแถวเรอเนซองส์ (Early Renaissance) การสร้างโดมขนาดใหญ่โดยไม่ต้องใช้โครงค้ำซึ่งเป็นเทคนิคทางวิศวกรรมที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนนั้น ทำให้บรูเนลเลสคีโด่งดังและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และทำให้เมืองฟลอเรนซ์ไม่อนุญาตให้สิ่งก่อสร้างใดในเมืองมีความสูงเกินกว่ายอดโดมแห่งนี้

ในบริเวณมหาวิหารเป็นที่ตั้งของหอพิธีเจิมน้ำมนต์ ที่มีบานประตูบันลือโลกเล่าเรื่องราวจากพระคัมภีร์เก่า ผลงานประติมากรรมนูนต่ำในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 ของลอเรนโซ กีแบร์ตี (Lorenzo Ghiberti) มิเคลันเจโลถึงกับออกปากยกย่องผลงานชิ้นนี้ว่าเป็น ประตูแห่งสรวงสวรรค์(Gates of Paradise) ที่ทุกท่านจะได้ชมอย่างใกล้ชิดเต็มตา

เที่ยง–  รับประทานอาหารกลางวัน

บ่าย -  นำท่านเข้าชม หอศิลป์อุฟฟิซี(The Uffizi Gallery) อาคารสำนักงานเก่าแก่จากสมัยเรอเนซองส์ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีชื่อเสียงระดับโลกเพราะเป็นที่เก็บรักษาผลงานสำคัญของยุคเรอเนสซองส์จนถึงยุคบาโรกไว้เป็นจำนวนมาก อาทิ The Birth of Venus และ Primavera ของ ซานโดร บอตติเชลลี (Sandro Botticelli 1445-1510) Annunciation ของ เลโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci 1452-1519) Holy Family ของ มิเคลันเจโล เป็นต้น

จากนั้นให้ท่านอิสระตามอัธยาศัย ท่านสามารถใช้เวลาบริเวณ จตุรัสซิญญอเรีย(Piazza della Signoria) จัตุรัสใหญ่ใจกลางเมือง ที่มีวังเก่า (Palazzo Vecchio) ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออก ซึ่งโดดเด่นด้วยหอระฆัง Torre d’Arnolfo รวมทั้งรูปสลักจำลอง David และรูปสลักเฮอร์คิวลิส (Hercules-ตามตำนานเล่าว่าเป็นผู้สร้างเมืองฟลอเรนซ์) ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า วังแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของฟลอเรนซ์ในช่วงศตวรรษที่ 16 โดยตระกูลเมดิชี(Medici) ปัจจุบันเป็นศาลาว่าการเมืองและพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาผลงานศิลปะที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลเมดิชี

หรือที่สะพานเก่า(Ponte Vecchio) ที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำอาร์โน (Arno) สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 14 เป็นสะพานโบราณที่หลงเหลืออยู่เพียงเดียวในฟลอเรนซ์ ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านเครื่องประดับมากมาย รวมทั้งร้านไอศกรีมและร้านขายของที่ระลึกต่างๆ

ค่ำ-  รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว

เช้า -  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

อำลาฟลอเรนซ์เพื่อเดินทางสู่เมือง เซียน่า(Siena) ในภูมิภาคทัสคานีเช่นเดียวกับฟลอเรนซ์

ในช่วงศตวรรษที่ 12 เซียน่าได้สถาปนาการปกครองในรูปแบบสาธารณรัฐ ในนามว่าสาธารณรัฐเซียน่า (Republic of Siena) ยุคสาธารณรัฐเป็นยุคที่เซียน่ารุ่งโรจน์ถึงขีดสุด เพราะเป็นเมืองการค้าที่สำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการธนาคาร เซียน่าถือเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมธนาคารที่แข็งแกร่ง ธนาคารอย่าง Monte del Paschi Bank ที่เปิดกิจการในปี ค.ศ.1472 ก็ยังดำเนินกิจการมาจนถึงปัจจุบัน

เซียน่ารุ่งเรืองมาจนถึงปลายยุคเรอเนซองส์ ในช่วงศตวรรษที่ 16 ก็ถูกคุกคามโดยกองกำลังของสเปนและฟลอเรนซ์ ผู้ปกครองเมืองจึงขอให้ฝรั่งเศสช่วยเหลือ ทำให้สเปนส่งกองทหารเข้าตีเมืองเซียน่า แม้ว่าชาวเซียน่าจะสู้ป้องกันเมืองได้ถึง 18 เดือน แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ เซียน่าจึงถึงกาลอวสาน สนธิสัญญาระหว่างสเปนและฝรั่งเศสทำให้เซียน่าอยู่ในการปกครองของตระกูลเมดิชีแห่งฟลอเรนซ์ที่ได้สถาปนาดินแดนในปกครองของตนเป็นรัฐใหม่นามว่าแกรนด์ดัชชีแห่งทัสคานี (Grand Duchy of Tuscany) แต่ไม่ได้รุ่งโรจน์เท่ากับในอดีต หลังจากที่แกรนด์ดัชชีสูญสิ้นไป และความวุ่นวายในยุคสงครามนโปเลียนสิ้นสุดลง ชาวอิตาเลียนได้สนับสนุนให้รวมเมืองต่างๆ ในดินแดนรองเท้าบู๊ตแห่งนี้ให้กลายเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเซียน่าก็เป็นเมืองแรกในทัสคานีที่ได้รวมเข้ากับประเทศใหม่ที่ชื่อว่าอิตาลี

เซียน่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโกเมื่อปี 1995

ถึงเซียน่า นำท่านชม จัตุรัสคัมโป(Piazza del Campo)ที่ศูนย์กลางของเมืองเก่า จัตุรัสแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นจัตุรัสที่สวยที่สุดในโลก ตัวจัตุรัสเป็นรูปเปลือกหอยโค้งที่มีเก้าแฉก ซึ่งมีที่มาจากผู้ปกครองทั้งเก้า (Nove Signori) ในช่วงที่เซียน่าเป็นสาธารณรัฐ ตรงกลางของจัตุรัสมีหอคอยสูงตระหง่านชื่อ Torre del Mangia ตั้งอยู่

นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารเซียน่า(Duomo di Siena) มหาวิหารทรงโกธิก-โรมาเนสก์ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 และได้รับการบูระแต่งเติมตลอดช่วงยุคสาธารณรัฐก่อนที่จะเกิดกาฬโรคระบาดในปี 1348 ที่ทำให้การก่อสร้างต้องหยุดลงไปและไม่ได้มีการสร้างเพิ่มเติมขึ้นอีก

เที่ยง–  รับประทานอาหารกลางวัน

จากนั้นอำลาเซียน่า เพื่อเดินทางสู่ กรุงโรม(Rome - Roma) เมืองหลวงของอิตาลี และศูนย์กลางของอาณาจักรโรมันอันเกรียงไกร ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม (All Roads Lead to Rome) อันหมายถึงการแผ่ขยายแสนยานุภาพออกไปทุกทิศทาง แทบจะทุกตารางนิ้วของกรุงโรมล้วนมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่ซ้อนทับต่อเนื่องมาตลอดสามพันปี ดังวลีที่ชาวฝรั่งเศสกล่าวถึงกรุงโรมอย่างยกย่องไว้ในปี ค.ศ. 1190 ว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว (Rome was not built in a day - Rome ne s'est pas faite en un jour)

กรุงโรมตั้งอยู่ในแคว้นลาซิโอ (Lazio) มีแม่น้ำไทเบอร์ หรือเตเวเร (Tiber - Fiume Tevere) ไหลผ่าเมืองออกเป็นสองส่วน ทางฝั่งตะวันออกคือเมืองเก่าโรมัน สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ทางฝั่งนี้ ส่วนฝั่งตะวันตกเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกันและเขตตราสเตเวเร (Trastevere) ย่านที่อยู่อาศัยเก่าแก่ของโรมตั้งแต่ยุคกลางหรือราวศตวรรษที่ 4

ถึงกรุงโรม นำท่านเข้าชม มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ในพันธนาการ(Basilica di San Pietro in Vincoli - Saint Peter in Chains)โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 5 เพื่อเป็นที่เก็บเครื่องพันธนาการนักบุญปีเตอร์เมื่อครั้งถูกคุมขังที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่สิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาที่นี่ก็คือผลงานประติกรรมระดับมาสเตอร์พีซ 1 ใน 3 ชิ้นของมิเคลันเจโล นั่นก็คือรูปสลักหินอ่อนโมเสส (Statue of Moses) ประดับสุสานของพระสันตะปาปาจูลิอุสที่ 2 (อีก 2 ชิ้นคือ David ที่ฟลอเรนซ์ และ Pieta ที่เซนต์ปีเตอร์ ซึ่งทริปนี้จะได้เข้าชมครบทั้งหมด) ประติมากรรมโมเสสรูปนี้ถือเป็นภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของยุค High Renaissance ที่คนรักศิลปะไม่ควรพลาดเด็ดขาด

จากนั้นนำท่านชม สนามกีฬาโคลอสเซียม(Colosseo) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจากสมัยโรมันที่ใหญ่ที่สุดที่หลงเหลือถึงปัจจุบัน นี่คือสัญลักษณ์ของกรุงโรมที่โดดเด่นที่สุด สร้างโดยจักรพรรดิเวสปาเชียน (Vespasian-Vespasianus) ในปี ค.ศ. 72 เปิดใช้เมื่อปี ค.ศ. 80 ในรัชสมัยของจักรพรรดิติตุส (Titus) เดิมชื่อโรงละครกลางแจ้งฟลาเวียน Flavian Amphitheatre) ตามพระนามราชวงศ์ ต่อมาเปลี่ยนเป็นโคลอสเซียม หมายถึงใหญ่โตมโหฬาร

ค่ำ- รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel Novotel Rustica หรือเทียบเท่า  

เช้า -   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เขต นครรัฐวาติกันรัฐอิสระที่มีอธิปไตยเป็นของตนเอง ภายหลังสำนักวาติกันโดยสันตะปาปาปิอุสที่ 11 กับรัฐบาลอิตาลีโดยมุสโสลินี ตกลงทำสนธิสัญญาลาเตรัน(Lateran Treaty) เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1929 ทำให้วาติกันเป็นประเทศหรือนครรัฐที่เล็กที่สุดในโลก มีพื้นที่เพียง 0.44 ตารางกิโลเมตร มีกำแพงล้อมรอบทั้งหมดยกเว้นด้านหน้าที่เป็นจตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งออกแบบโดยแบร์นีนี โดยจัดวางเสาตรงทางเดินทั้งสองข้างเป็นรูปครึ่งวงรี เปรียบเหมือนแขนที่กำลังกางโอบล้อมเหล่าสาธุชน

นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์วาติกัน(Vatican Museums) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวังพระสันตะปาปา สร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 ภายในเก็บรักษางานศิลปกรรมระดับสุดยอดไว้มากมาย ตั้งแต่ยุคอียิปต์ กรีก โรมัน ยุคกลาง เรอเนซองส์ บาโรก จนถึงงานศิลปะยุคศตวรรษที่ 19 ส่วนใหญ่เป็นสมบัติของพระสันตะปาปาองค์ต่างๆ ผลงานที่น่าชม อาทิ รูปสลักอปอลโล เบลเวเรเด (ApolloBelvedere) สมัยกรีกโบราณ หรือภาพที่ยิ่งใหญ่ของราฟาเอล (Raphael) อัครมหาศิลปินอีกคนของยุคเรอเนซองส์อย่าง The School of Athens ที่สื่อถึงจิตวิญญาณหรือสปิริตของยุคเรอเนซองส์อย่างเต็มเปี่ยม แสดงถึงการยอมรับนับถือศิลปวิทยาการจากยุคกรีก-โรมัน ถือเป็นภาพที่งดงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปะอย่างยิ่ง

จากนั้นเข้าสู่ หอสวดมนต์ซิสทีน(Sistine Chapel - Cappella Sistina บางที่แปลคำว่า Chapel ว่าวัดน้อยหรือโบสถ์น้อย) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์วาติกัน ที่มีผลงานภาพเฟรสโกหรือจิตรกรรมปูนเปียกระดับมหากาพย์ของมิเกลันเจโล โดยการว่าจ้างของพระสันตะปาปาจูลิอุสที่ 2 คือภาพ Creation of Adam และภาพ The Last Judgement

จากนั้นเข้าสู่ หอสวดมนต์ซิสทีน(Sistine Chapel - Cappella Sistina บางที่แปลคำว่า Chapel ว่าวัดน้อยหรือโบสถ์น้อย) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์วาติกัน ที่มีผลงานภาพเฟรสโกหรือจิตรกรรมปูนเปียกระดับมหากาพย์ของมิเกลันเจโล โดยการว่าจ้างของพระสันตะปาปาจูลิอุสที่ 2 คือภาพ Creation of Adam และภาพ The Last Judgement

จากนั้นนำท่านเข้าชม มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์(Basilica di San Pietro) ที่เริ่มต้นจากวิหารเล็กๆ ที่เชื่อกันว่าตั้งอยู่เหนือหลุมศพของนักบุญปีเตอร์ในปี ค.ศ. 324 จนถึงราวศตวรรษที่ 16 พระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 (Paus Julius II) จึงเรื่มสร้างวิหารหลังใหญ่โตงดงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน โดยใช้เวลาสร้างนานกว่า 150 ปี ซึ่งสถาปนิกและศิลปินอิตาลียุคเรอเนซองส์และบาโรกหลายคนมีส่วนช่วยรังสรรค์วิหารแห่งนี้ เช่น บรามันเต, ราฟาเอล, เปรุสซี, มิเคลันเจโล, จาโกโม เดลลาปอร์ตา และแบร์นีนี เป็นต้น

ภายในมหาวิหารมีไฮไลต์ที่ห้ามพลาดชมเด็ดขาด คือปิเอตา (Pieta) รูปสลักหินอ่อนพระแม่มารีอุ้มพระศพพระเยซู นี่คือ 1 ใน 3 สุดยอดผลงานของมิเคลันเจโล ถัดไปก็คือ รูปหล่อสำริดของนักบุญปีเตอร์ อายุเวลาราวศตวรรษที่ 13 ผลงานของอาร์โนลโฟ ดิ กัมบิโอ (Arnolfo di Cambio) ถัดไปด้านในใต้ยอดโดมคือแท่นบูชาเหนือหลุมศพของนักบุญปีเตอร์(Baldacchino) ผลงานของแบร์นีนี เป็นปะรำสี่เสา มีหลังคาสูง 29 เมตร หล่อขึ้นจากทองสำริด ประดับเสาด้วยเกลียวทองบรอนซ์ ที่พระสันตะปาปาอูร์บันที่ 8 (Paus Urbanus VIII) รับสั่งให้ลอกมาจากวิหารแพนธีออนเมื่อปี ค.ศ. 1624 ส่วนยอดโดมสูงใหญ่กลางวิหารเส้นผ่าศูนย์กลาง 43 เมตร สูงจากพื้น 132 เมตรนั้น เป็นฝีมือของมิเคลันเจโล

เที่ยง–  รับประทานอาหารกลางวัน

จากนั้นนำท่านเข้าชม วิหารแพนธีออน(Pantheon) สิ่งมหัศจรรย์จากยุคโรมัน สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อราว 27 ปีก่อนคริสตกาล สร้างโดย มาร์คุส อากริปปา (Marcus Vipsanius Agrippa 62 BC - 12 BC) รัฐบุรุษและแม่ทัพโรมันต่อมาราวปี ค.ศ.118-125 จักรพรรดิฮาเดรียน (Hadrian 76-138) ได้สร้างหอกลมและหน้าจั่วอย่างที่เห็นในปัจจุบันขึ้นแทนที่ แต่ยังคงให้เกียรติอากริปปาผู้สร้างคนแรก โดยได้จารึกอักษรภาษาละตินไว้บนหน้าจั่วว่า มาร์คุส อากริปปา บุตรแห่งลูชิอุสเป็นผู้สร้าง (M•AGRIPPA•L•F•COS•TERTIUM•FECIT : Marcus Agrippa, son of Lucius, made [this building] when consul for the third time.)

สิ่งที่น่าพิศวงก็คือยอดโดมกว้าง 44 เมตร เจาะรูกลมตรงกลางบนส่วนยอดสุดเพื่อเปิดรับแสงและอากาศให้เข้ามาภายใน วิหารแพนธีออนในยุคแรกเป็นวิหารบูชาเหล่าเทพเจ้าโรมัน ต่อมาได้กลายเป็นโบสถ์คาทอลิก ภายในเป็นที่เก็บพระศพของพระเจ้าวิตโตริโอ เอมานูเอเลที่ 2 (Vittorio Emanuele II di Savoia 1820-1878) กษัตริย์พระองค์แรกของอิตาลีหลังการรวมชาติ และหลุมศพของราฟาเอล ยอดศิลปินจากยุคเรอเนซองส์

จากนั้นนำท่านชมจตุรัสนาโวนา(Piazza Navona) จตุรัสรูปวงรีที่สวยงามมีชีวิตชีวาที่สุดในกรุงโรม รายรอบไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมยุคเรอเนซองส์และบาโรก สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนติอุสที่ 10 (Paus Innocentius X 1574-1655) มีรับสั่งให้สร้างจตุรัสแห่งนี้ขึ้นราวกลางศตวรรษที่ 17 เพื่อเสริมทัศนียภาพของสนามกีฬาเก่าสมัยจักรพรรดิโดมิเชียนแห่งโรมัน (Domitian 51-96) กลางจตุรัสมีเสาโอเบลิสก์ตั้งอยู่เหนือน้ำพุสี่มหานที (Fontana dei Quattro Fiumi) สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1651 ผลงานของแบร์นีนี น้ำพุแห่งนี้เป็นตัวแทนของแม่น้ำสี่สายจาก 4 ทวีปคือ แม่น้ำคงคาจากทวีปเอเชีย แม่น้ำดานูบจากทวีปยุโรป แม่น้ำไนล์จากทวีปแอฟริกา และแม่น้ำริโอเดลาปลาตาจากทวีปอเมริกา ด้านทิศเหนือและใต้ของจตุรัสมีน้ำพุตั้งประดับอีกสองแห่งคือ น้ำพุเนปจูน (Fontana di Nettuno) เป็นรูปเทพเนปจูนกำลังใช้ฉมวกจ้วงแทงปลาหมึก และน้ำพุแขกมัวร์ (Fontana del Moro) เป็นรูปแขกมัวร์กำลังเป่าแตรพ่นน้ำ

ค่ำ -  รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel Novotel Rustica หรือเทียบเท่า

เช้า -   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเข้าชม หอศิลป์บอร์เกเซ(Galleria Borghese) สุดยอดไฮไลต์ของทริปนี้ที่ไม่มีโปรแกรมทัวร์ที่ไหนพาเข้าชม นี่คือหนึ่งในหอศิลป์ที่ดีที่สุดในโลกที่เก็บรักษางานศิลปะระดับสุดยอดจากยุคเรอเนซองส์และหลังจากนั้นไว้เป็นจำนวนมาก หอศิลป์บอร์เกเซเดิมเป็นตำหนักที่แสนวิจิตรของพระคาร์ดินัลสคีปีโอเน คาฟฟาเรลลี บอร์เกเซ (Scipione Caffarelli Borghese 1576-1633) พระคาร์ดินัลท่านนี้สะสมผลงานศิลปะที่ตนชื่นชอบและได้รับเป็นมรดกจากพระสันตะปาปาปอลที่ 5 ผู้เป็นลุงไว้มากมายหลายชิ้น จนถึงปี ค.ศ. 1903 ตำหนักแห่งนี้ก็ได้รับการปรับปรุงเป็นหอศิลป์

ผลงานศิลปะชิ้นสำคัญที่เก็บรักษาไว้ที่นี่มีอาทิ ภาพ Saint Jerome และ Boy with a Basket of Fruit ของคาราวาจโจ ภาพ Deposition ของราฟาเอล ภาพ Sacred and Profane Love ของทิเชียน หรือ ติเซียโน เวเชลลี (Titian-Tiziano Vecelli 1485-1576)

และที่ถือเป็นไฮไลต์ที่คนทั้งโลกต้องการชมด้วยตาตนเองสักครั้งในชีวิต (มีคนไทยน้อยคนจะเคยเข้าชม) ก็คืองานประติมากรรมของ จาน ลอเรนโซ แบร์นินี (Gian Lorenzo Bernini 1598-1680) อาทิ The Rape of Proserpine, Apollo and Daphne และสุดยอดประติกรรม David

เที่ยง-   รับประทานอาหารกลางวัน

บ่าย-    นำท่านชมน้ำพุเทรวี(Fontana di Trevi) น้ำพุที่โด่งดังและงดงามที่สุดในโลกในรูปแบบศิลปะบาโรก เสริมด้วยตำนานเล่าขาน Three coins in a fountain อันสุดแสนโรแมนติก ในปี ค.ศ. 1732 โป๊ปเคลเมนท์ที่ 12 ได้มอบหมายให้ นิโคลา ซาลวี (Nicola Salvi) ออกแบบก่อสร้างน้ำพุขึ้นตรงบริเวณที่เคยเป็นโรงอาบน้ำเดิมของโรมัน จนถึงปี ค.ศ. 1751 ซาลวีได้เสียชีวิตลงขณะทีน้ำพุสร้างไปได้เพียงครึ่งเดียว จึงสานต่อโดยจูเซปเป ปานนินี (Giuseppe Pannini) ฉากของน้ำพุเป็นรูปเทพเนปจูน (Neptune หรือ Poseidon ในภาษากรีก แต่บางท่านก็ว่าคือ Oceanus พระสมุทรเทพของกรีก เพราะเนปจูนควรถือตรีศูลเป็นอาวุธ) ยืนอยู่บนเปลือกหอย ขนาบข้างด้วยไตรตันปราบม้าพยศ มีน้ำไหลแผ่ออกมาเหมือนน้ำตก ชื่อน้ำพุมาจากคำว่าตริเวีย (Trivia) หมายถึงถนนสามสายมาบรรจบกัน

จากนั้นชม บันไดสเปนบริเวณจตุรัสสเปน (Piazza di Spagna) มีที่มาจากสถานทูตสเปนประจำกรุงวาติกันที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจตุรัส ตรงเชิงบันไดจะเห็นน้ำพุบาร์คัชชา (Fontana della Barcaccia) รูปร่างคล้ายเรือรั่ว ออกแบบโดยปิเอโตร แบร์นีนี (Pietro Bernini) บิดาของจาน ลอเรนโซ แบร์นินี ตัวบันไดเป็นศิลปะแบบโรโคโค สร้างในช่วงปี 1723-1726 เพื่อถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งแวร์ซายส์ ด้านบนมีเสาโอเบลิสก์ซัลลุสเชียน (Sallustian) ตั้งอยู่หน้าโบสถ์ตรินิตา เดอี มอนติ (Chiesa della Trinita dei Monti)จากนั้นมีเวลาให้ท่านเดินเล่นชมบรรยากาศหรือชอปปิ้งตามอัธยาศัย ที่บริเวณจตุรัสสเปน ถนนคอนดอตติ (Via Condotti) หรือถนนเดลคอร์โซ (Via del Corso)

16.30 น.-  เดินทางสู่สนามบินฟูมิชิโน มีเวลาให้ท่านทำคืนภาษี (Tax Refund) และชอปปิ้งภายในสนามบิน

20.50 น.-  เดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK 096

05.30 น.-   ถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง

08.55 น.-    เดินทางจากสนามบินดูไบ สู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK 370

18.05น.–    คณะเดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

แผนที่

เลือกวันเดินทาง

วันเดินทางไป - กลับ ผู้ใหญ่ท่านละ พักเดี่ยวเพิ่มเงิน ราคาเด็กท่านละ
08 พ.ย. 67 - 17 พ.ย. 67169,900 บาทสอบถามเพิ่มเติม

เงื่อนไข

1.ค่าตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัด (Economy Class) ที่ระบุวันเดินทางไปกลับพร้อมคณะ

2.ค่าธรรมเนียมวีซ่าเข้าประเทศเชงเก้น

3. ค่าภาษีสนามบิน

4. ค่ารถโค้ชปรับอากาศนําเที่ยวตามรายการ + ค่าทิปพนักงานขับรถตลอดรายการเดินทาง 

5. ค่าห้องพักในโรงแรมตามที่ระบุในรายการหรือเทียบเท่า

6. ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ

7. ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการ

8. ค่าจ้าง + ค่าทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่น

9. ค่าทิปร้านอาหาร

10. ค่าประกันภัยการเดินทางรายบุคคล, ค่าประกันอุบัติเหตุ, ค่ารักษาพยาบาล (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)

1. ค่าธรรมเนียมการทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต

2. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าเครื่องดื่มที่สั่่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าน้ำหนักเกินจากที่สายการบินกำหนด, ค่ารักษาพยาบาล กรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจําตัว, ค่ากระเป๋าเดินทางหรือของมีค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง เป็นต้น

3. ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% (ผู้จัดฯ ไม่สามารถออกใบเสร็จสำหรับนำไปหักภาษีได้ หากต้องการใบเสร็จ ผู้จัดฯ จะออกเป็นใบเสร็จรับเงินตามปกติเพื่อเป็นหลักฐานการชำระเงินเท่านั้น)

4. ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ในกรณีที่มีการปรับขึ้นราคา

5. ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรม ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง (ซึ่งสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยกว่าการใช้บริการยกกระเป๋า)

6. ค่าทิปสำหรับหัวหน้าทัวร์และวิทยากร (ตามอัธยาศัย)

หมายเหตุ

- บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการที่จะไม่รับผิดชอบต่อค่าชดเชยความเสียหาย อันเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่ทาง บริษัทฯ ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การนัดหยุดงาน, จลาจล, การล่าช้าหรือยกเลิกของเที่ยวบิน รวมถึงกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองไม่อนุญาตให้เดินทางออกหรือกองตรวจคนเข้าเมืองของแต่ละประเทศไม่อนุญาตให้เข้าเมือง รวมทั้งในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางหากท่านถูกปฏิเสธการเดินทางเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง 

- บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมรายการท่องเที่ยว โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

- บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

- เมื่อท่านทำการซื้อโปรแกรมทัวร์ ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านรับทราบและยอมรับเงื่อนไขของหมายเหตุทุกข้อแล้วในกรณีที่ลูกค้าต้องออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ….กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ก่อนทุกครั้ง มิฉะนั้นทางบริษัทฯจะไม่ขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น…โปรแกรมและรายละเอียดของการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศและเหตุสุดวิสัยต่าง ๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าโดยทางบริษัทฯ จะคำนึงถึงผลประโยชน์และความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทางเป็นสำคัญ….

- หลังจากที่มีการจองทัวร์และได้ชำระค่ามัดจำทัวร์หรือทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านตัวแทนของบริษัท

หรือชำระโดยตรงกับทางบริษัท ทางบริษัทจะขอถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงือนไขต่างๆของบริษัท ที่ได้ระบุไว้ทั้งหมด

นั่งที่ Long Leg โดยปกติอยู่บริเวณทางออกประตูฉุกเฉิน และผู้ที่จะนั่งต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่สายการบินกำหนด

เช่น ต้องเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง และช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เครื่องบินมีปัญหา เช่น สามารถเปิดประตูฉุกเฉินได้ (น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม) ไม่ใช่ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพและร่างกายและอำนาจในการให้ที่นั่ง Long leg ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่เช็คอินสายการบิน ตอนเวลาที่เช็คอินเท่านั้น

กรณีทรัพย์สินส่วนตัวของลูกค้าสูญหายหรือลืมไว้ระหว่างการเดินทาง ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น

กรณีผู้เดินทางไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากปลอมแปลงหรือการห้ามของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าเหตุผลใดๆตามทาง

บริษัทของสงวนสิทธิ์ในการ ไม่คืนค่าทัวร์ทั้งหมด 

บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกการเดินทางก่อนล่วงหน้า 14 วัน ในกรณีที่ไม่สามารถทำกรุ๊ปได้อย่างน้อย 30 ท่าน( ผู้ใหญ่ )

และ/หรือ ผู้ร่วมเดินทางในคณะไม่สามารถผ่านการพิจารณาวีซ่าได้ครบ 30 ท่าน ซึ่งในกรณีนี้ทางบริษัทฯ ยินดีคืนเงินให้ทั้งหมดหักค่าธรรมเนียมวีซ่า หรือจัดหาคณะทัวร์อื่นให้ถ้าต้องการ

บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมรายการท่องเที่ยว โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 

บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื่องจากรายการทัวร์นี้เป็นแบบเหมาจ่ายเบ็ดเสร็จ หากท่านสละสิทธิ์การใช้บริการใดๆตามรายการ หรือถูกปฏิเสธการ

เข้าประเทศไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินในทุกกรณี

กรณียกเลิกการเดินทางภายหลังจากได้วีซ่าแล้ว ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการแจ้งสถานฑูต เพื่อให้อยู่ในดุลพินิจของ

สถานฑูต เรื่องวีซ่าของท่าน เนื่องจากการขอวีซ่าในแต่ละประเทศ จะถูกบันทึกไว้เป็นสถิติในนามของบริษัทฯ เมื่อท่านได้ชำระเงินมัดจำหรือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านตัวแทนของ บริษัทฯ หรือชำระโดยตรงกับทางบริษัทฯ ทางบริษัทฯ จะขอถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขต่างๆของเอกสารวีซ่า

การบิดเบือนข้อเท็จจริงประการใดก็ตาม อาจจะถูกระงับมิให้เดินทางเข้าประเทศในกลุ่มเชงเก้นเป็นการถาวร และ

ถึงแม้ว่าท่านจะถูกปฏิเสธวีซ่า สถานทูตไม่คืนค่าธรรมเนียมที่ได้ชำระไปแล้วและหากต้องการขอยื่นคำร้องใหม่ก็ต้องชำระค่าธรรมเนียมใหม่ทุกครั้ง

หากสถานทูตมีการสุ่มเรียกสัมภาษณ์บางท่านทางบริษัทฯ ขอความร่วมมือในการเชิญท่านไปสัมภาษณ์ตามนัดหมาย

และโปรดแต่งกายสุภาพ ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปอำนวยความสะดวก และประสานงานตลอดเวลา และหากสถานทูตขอเอกสารเพิ่มเติม ทางบริษัทฯใคร่ขอรบกวนท่านจัดส่งเอกสารดังกล่าวเช่นกัน

ทางบริษัทฯ เป็นแค่ตัวแทนอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการยื่นวีซ่า แต่ในการพิจารณาอนุมัติวีซ่า จะอยู่ใน

ดุลพินิจของทางสถานทูตฯเท่านั้น ซึ่งอาจจะเกิดความไม่สะดวกแก่ท่านได้ทางบริษัทฯ จึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

เมื่อท่านทำการซื้อโปรแกรมทัวร์ ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านรับทราบและยอมรับเงื่อนไขของหมายเหตุทุกข้อแล้ว ใน

กรณีที่ลูกค้าต้องออกตั๋วโดยสารภายในประเทศกรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯก่อนทุกครั้งมิฉะนั้นทางบริษัทฯจะไม่ขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นโปรแกรมและรายละเอียดของการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ และเหตุดวิสัยต่าง ๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าโดยทางบริษัทฯ จะคำนึงถึงผลประโยชน์และ ความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทางเป็นสำคัญ 

บริษัทฯ ขอสงวนสิทธ์ไม่ขายทัวร์แก่ลูกค้าที่เคยเดินทางแล้วมีความประพฤติไม่น่ารักหรือมีพฤติกรรมเป็นที่รักเกียจ

ของคนส่วนใหญ่เช่นไม่รักษาเวลาเลย พูด จาหยาบคาย ดื่มสุราบนรถ ก่อเสียงรำคาญรบกวนผู้อื่น เอาแต่ใจตนเอง หรือถือว่ามากลุ่มใหญ่แล้วไม่เกรงใจผู้อื่นชักชวนผู้ผื่นให้ก่อนความวุ่นวานในทัวร์ฯลฯ (เพื่อความสุขของผู้เดินทางเป็นส่วนใหญ่)

บริษัทฯ ขอสงวนสิทธ์ไม่ขายทัวร์แก่ท่านที่มีครรภ์เกิน4 เดือน (เพราะอาจเกิดอันตราย / เพื่อความปลอดภัย / เว้นมีใบรับรองแพทย์)

บริษัทฯ ขอสงวนสิทธ์ในการขายหรือไม่ขายทัวร์แก่ท่านที่มีเด็กทารกอายุต่ำกว่ากว่า 2 ขวบ (กรุณาแจ้งบริษัทฯ ก่อนจองทัวร์เพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน) ต้องกราบขออภัยท่านเพราะหากเด็กงอแงจะไปรบกวนผู้เดินทางท่านอื่น

บริษัทฯ ขอสงวนสิทธ์ในการขาย หรือไม่ขายแก่ท่านที่ต้องใช้รถเข็น (กรุณาแจ้งบริษัทฯ ก่อนซื้อทัวร์ เพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน)

ท่านที่จะออกตั๋วภายในประเทศ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ฯลฯ โปรดแจ้งฝ่ายขายก่อนเพื่อขอคำยืนยันว่าทัวร์นั้นๆ

ยืนยันการเดินทางหากท่านออกตั๋วโดยไม่ได้รับการยืนยันจากพนักงานแล้วทัวร์นั้นยกเลิก บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนั้นได้

ใน 1 วัน คนขับรถจะทำงานและพักผ่อนระหว่างขับรถรวมแล้วไม่เกิน12 ชม. เช่น เริ่มงาน 08.00 น. ต้องจบงานภายใน

20.00 น. หากมีการเสียเวลาระหว่างวันทุกกรณีโปรแกรมอาจต้องแก้ไขปรับเปลี่ยน - เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้วหมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯ แจ้งแล้วข้างต้น

หากในคณะของท่านมีผู้ต้องการดูแลพิเศษ นั่งรถเข็น (Wheelchair), เด็ก, ผู้สูงอายุ, มีโรคประจำตัว หรือไม่สะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน ท่านและครอบครัวต้องให้การดูแลสมาชิกภายในครอบครัวของท่านเอง เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์มีความจำเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมด

** เพื่อความถูกต้อง กรุณาตรวจสอบข้อมูลเดินทางและเงื่อนไขการชำระเงินกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทุกครั้ง
ราคาเริ่มต้น
169,900 บาท
รหัส 012-30192 ทัวร์อิตาลี THE HEART OF ITALY เจาะลึกประวัติศาสตร์อิตาลี
ราคาเริ่มต้น 169,900 บาท
เดินทางช่วง พ.ย.67
เดินทางโดย Emirates (EK)
ดูเพิ่มเติม https://likekrabi.com/tour.php?tour_id=10686

ไฟล์ PDF https://tourfiles.vm101.net/pdf/830/012-30192.pdf

คัดลอกข้อมูลทัวร์
เพิ่มในรายการโปรด
Share on social networks
Scan QRCode
ติดต่อสำนักงาน
บริการของเรา
ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
ติดตามเรา
ติดต่อ
chat ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
search ค้นหาโปรแกรมทัวร์
home หน้าหลัก
approval ขอใบเสนอราคา